คอร์สความสุขอยู่ที่ใจ ด้วยพรหมวิหาร 4 วันเสาร์ที่ 9 ก.ค. 59 ณ บริษัท สเป็คซีล จำกัด

20160709_3278

 

“มองภาพพระพุทธเจ้า วันนี้เราจะกราบด้วยความตั้งใจที่สุดและดีที่สุด บูชาบุคคลที่ควรบูชา กราบให้ช้าที่สุด อ่อนโยนที่สุด

กราบครั้งที่ 1 เริ่ม ค่อยๆ ก้ม ช้าทีสุด อ่อนโยน นุ่มนวลที่สุด ถึงพื้นแล้วนิ่งไว้ ยังไม่เงยขึ้นมา ประหนึ่งเราได้กราบฝ่าพระบาทของพระพุทธเจ้า ประหนึ่งพระองค์เสด็จมาประทับยืนต่อหน้าเรา อธิษฐาน ‘ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้วต่อคุณพระรัตนตรัย อันมีคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอขมาขออโหสิกรรม ขอให้ทุกท่านได้โปรดอโหสิกรรมต่อข้าพเจ้า บุญความดีใดที่ข้าพเจ้าได้ทำขอให้ทุกท่านได้อนุโมทนาและมีส่วนในบุญนี้ มีความสุขในบุญนี้โดยถ้วนหน้ากัน’

ค่อยๆเงยขึ้น

กราบครั้งที่ 2 ช้า อ่อนโยน นุ่มนวล เริ่ม กราบด้วยใจศรัทธาเคารพจริงๆ เมื่อถึงพื้นแล้วนิ่งไว้ อธิษฐาน ‘ธรรมะประเสริฐที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ไว้ดีแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้แจ้งตาม มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรมโดยง่ายโดยเร็ววันอย่างมั่นคง ข้าพเจ้าจะนำพาผู้อื่นให้ได้รู้ธรรมะของพระพุทธองค์โดยง่ายโดยเร็ววันอย่างมั่นคงเช่นเดียวกัน’

ค่อยๆเงยขึ้น ช้า อ่อนโยน นุ่มนวล

กราบครั้งที่ 3 ครั้งสุดท้าย ให้ดีที่สุด เริ่ม… ช้า อ่อนโยน นุ่มนวล เมื่อถึงพื้นแล้วนิ่งไว้ อธิษฐาน ‘ขอความสงบความสุขเย็นที่มีในใจของผู้มีธรรมะ ความสุขนี้จงกว้างไกลไปยังที่บ้านเรือน ที่ทำงาน สังคม ประเทศชาติ ทั่วโลก ทั่วทวีป ทั่วจักรวาล อนันตจักรวาล 31 ภพภูมิ 3 แดนโลกธาตุ มวลหมู่มนุษย์ทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลายอย่าได้เบียดเบียนกัน จงมีแต่สันติสุข สันติภาพ ให้มีความรักและเมตตาบริสุทธิ์ ไม่เบียดเบียนทำร้ายกัน อยู่ร่มเย็นเป็นสุข สุดท้ายให้ได้บรรลุธรรมโดยง่ายโดยเร็ววันอย่างมั่นคง เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ไม่มีศัตรู’

… ค่อยๆเงยขึ้น”

 

20160709_724

 

10576x576

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ท่านเจ้าภาพคุณพงษ์ศักดิ์-คุณอุไรวรรณ์ จิระวัฒน์พงศา ได้กราบเรียนนิมนต์ท่านพระอาจารย์กิตติเชษฐ์ สิริวฑฺฒโก และคณะพระสงฆ์แม่ชี มาสอนวิปัสสนากรรมฐานในคอร์ส “ความสุขอยู่ที่ใจ ด้วยพรหมวิหาร4” ณ บริษัท สเป็คซีล จำกัด ซึ่งในคอร์สนี้ได้มีทั้งพนักงานบริษัทฯ ลูกค้าของบริษัทฯ และผู้สนใจทั่วไป ได้ให้การตอบรับเข้าร่วมปฏิบัติธรรมกันเป็นอย่างดี

ผู้ปฏิบัติธรรมได้ฝึกการกราบพระด้วยสติ สมาทานศีลและขึ้นพระกรรมฐาน ต่อจากนั้นท่านพระอาจารย์กิตติเชษฐ์ได้เมตตาให้โอวาทเปิดคอร์สและนำจิตผู้ปฏิบัติธรรมให้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณบิดามารดา และผู้มีพระคุณทั้งหลาย โดยตลอดวันผู้ปฏิบัติธรรมได้ฝึกการเจริญสติ เดินจงกรมและนั่งสมาธิ เจริญเมตตาและพุทธานุสสติกรรมฐาน ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่มีจิตปีติ สุข สงบ บางท่านได้รับธรรมะละเอียดจากจิตที่ได้ฝึกไว้ดีแล้ว ทำให้สามารถต่อยอดกรรมฐานที่เพียรฝึกฝนมาได้ จิตเปลี่ยนไปในทางที่ดี มีความอ่อนน้อมอ่อนโยน มีปัญญาเข้าใจและเข้าถึงแก่นแท้ในพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น

ทางทีมงานขอกราบนอบน้อมนำคำสอนบางส่วนที่ท่านพระอาจารย์ได้แสดงธรรมในวันดังกล่าวมาไว้ ณ ที่นี้

“ศีลที่สำคัญที่สุดคือ ศีลที่ใจ ใจที่บริสุทธิ์และเมตตานั่นล่ะ”

“สนิมเกิดกับเหล็กฉันใด กิเลสก็เกิดกับจิตของปุถุชนฉันนั้น เมื่อเรารู้จิตเรา ก็เหมือนเฝ้าดูให้สนิมไม่เกิด เช็ดถูทุกวัน อย่าให้น้ำกับออกซิเจนมาเจอกัน มันก็ไม่เกิดสนิม”

“กำหนด “คิดหนอ” ความคิดดับ จิตก็ปกติ”

“มีสติตลอดเวลา ทำอะไรให้รู้ตัวเอง ใหม่ๆ ลองฝึกกำหนด “เห็นหนอ” “กลิ่นหนอ” “รสหนอ” คิดอะไรขึ้นมา กำหนด “คิดหนอ” รู้สึกอะไรขึ้นมาก็กำหนด เช่น “โกรธหนอ” ถ้าเราทันมันทุกอย่าง ต่อไปจะไม่มีปัญหา เหมือนเราเรียนหนังสือ อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ก็จะค่อยๆ เก่งขึ้นเอง”

“ภวตัณหา  ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น “วิภวตัณหา” ความไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น มันก็มาจาก “กามตัณหา” ตัวที่ติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ดังนั้น “ตัณหา3” จึงเป็นบ่วงให้เราเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วนนั่นล่ะ เพียงแค่เราเข้าใจแกะปมของกิเลสตัณหาได้ จิตก็จะโล่งสบาย”

“อยู่กับปัจจุบันที่ตื่นรู้ ใหม่ๆ ต้องกำหนด ต่อไปดูจิตเป็น ให้รู้ลงไปที่จิต ตามอภิธรรม จิตอยู่ที่หทัยวัตถุ มีหน้าที่รับรู้อารมณ์ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นสัมผัสรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง แต่เราไม่ปรุงแต่งตามมัน รู้ทันแล้ววางมันลง ถ้ามันจะไปทำอะไรที่ไม่ดี ไม่ไปตลอดเวลา การเดินจงกรมนั่งสมาธิช่วยได้เยอะ แต่เมื่อเราทำเป็น ทุกอิริยาบถคือการปฏิบัติธรรม กินข้าวก็ปฏิบัติธรรม เข้าห้องน้ำก็ปฏิบัติธรรม นอนยังปฏิบัติธรรมเลย”

เกี่ยวกับเรื่องพรหมวิหาร4 ผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้สอบอารมณ์กับท่านพระอาจารย์ว่า “ตอนแรกเห็นพรหมวิหาร 4 ก็ไม่ได้สนใจมาก เพราะคิดว่าเราก็เก่งพอสมควร แต่มาเจอพรหมวิหาร 4 ตรงนี้มันเหมือนทางลัด ทำลายทิฐิที่เราเคยมี ตัวเมตตาที่อยู่บนอุเบกขามันมีความมั่นคง มีกำลังกว่ามาก”

ก่อนจะปิดคอร์ส ท่านพระอาจารย์จึงได้เมตตาชี้แนะเพิ่มเติมถึงพรหมวิหาร4 ที่เต็มไปด้วยความศรัทธาในพระพุทธเจ้าว่า

“ให้ฝึกจิตของเราให้เมตตาอ่อนโยน มันจะทำลายอัตตา ที่เค้าเรียกว่าตัวกูของกู ได้ง่าย บางคนอาจจะมองว่าพรหมวิหาร4 ไม่ค่อยสำคัญ แต่เมื่อลองฝึกดูแล้ว มันเป็นกรรมฐานกองนึงที่ทำให้กิเลสเราอ่อนตัวลงไปเยอะเหมือนกัน บางคนฝึกมามาก ได้สภาวธรรมเยอะหลากหลาย แต่จิตไม่เปลี่ยน คือกิเลสไม่ลดลง ตรงนี้ต่างหากที่เข้าใจผิด”

ขอน้อมนำบุญกุศลทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคอร์ส “ความสุขอยู่ที่ใจ ด้วยพรหมวิหาร4” มาให้ทุกๆท่านได้ร่วมกันอนุโมทนาบุญกับท่านพระอาจารย์กิตติเชษฐ์และคณะพระสงฆ์แม่ชี ท่านเจ้าภาพและท่านผู้ปฏิบัติธรรมรวมถึงท่านผู้ให้บริการทุกๆท่าน สาธุๆๆ

 

s__4178077

20160709_4364

20160709_5698

20160709_825-1024x576

20160709_3228

 

20160709_1485-768x576