เราหลงร่างกายเราว่าสวยงามมาเยอะ เราบำรุงปรนเปรอมันไปมากมาย แล้วก็หลงร่างกายผู้อื่น ชายก็หลงผู้หญิง ผู้หญิงก็หลงผู้ชาย เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แค่นั้น ชายหลงชายก็มี หญิงหลงหญิงก็มี นั่นคือกามตัณหา ลองหน้าเละๆ แบบเมื่อกี๊ มันจะจูบกันได้มั้ย มันจะกอดกันได้มั้ย ไม่ต้องอย่างนั้น เอาแค่ว่าเราไม่อาบน้ำนะ ไม่แปรงฟันนะ ซักอาทิตย์นึง มันจะจูบกันได้มั้ยเนี่ย เหม็นหึ่งอย่างงี้ เพราะความหลง ความหลงจึงทำให้เกิดความติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เมื่อเรามีสติปัญญาพอ เราก็ไม่หลงร่างกายเน่าๆ ของเราแล้ว แล้วร่างกายเน่าๆ ของคนอื่น เดี๋ยวนี้มีข่าวบ่อยๆ พอนอกใจกันไปมีคนใหม่ ก็โกรธ เสียใจ ทำร้ายกันมั่ง ทำร้ายตัวเองมั่ง ความหลงน่ะ คลายความหลงไม่ได้ เขาเป็นคนรักเรา เขาเป็นอื่นไม่ได้ มันก็มีหลายคดีที่ฆ่ากัน
แท้จริงนะ วันนึงเราแก่เราก็ไม่สวย วันนึงเราตายก็เน่าเหม็น เมื่อปัญญามันเกิดเช่นนี้เนี่ย สักกายทิฐิ ความหลงตนเองก็หมดไป เข้าใจแล้วสุดท้ายมันก็เน่าเหม็นทุกคน จะเอาอะไรกับมันล่ะร่างกาย
ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์๕ คือตัวทุกข์ ความหลง อุปาทาน ความยึดมั่นในขันธ์๕ คือ รูปร่างกายของเราและรูปร่างกายของผู้อื่นอันเป็นที่รักของเรานั่นล่ะ เราจงคลายจากความยึดมั่นถือมั่นและความหลงนั้น ทำไฉนจะทำที่สุดแห่งกองทุกข์นี้ได้ อยู่ที่พวกเราจะฝึกจิตเช่นไร จะฝึกจิตให้จมอยู่กับกองทุกข์อยู่ร่ำไป หรือฝึกจิตให้ออกจากทุกข์นั้นให้ทันกาล เราหลงมายาวนานแล้วล่ะ มิใช่เพียงแค่ชาตินี้ชาติเดียว กี่ภพชาติแล้วที่ทุกข์มาอย่างแสนสาหัส ทุกคนล้วนมีทุกข์ เหมือนกันหรือต่างกัน เป็นธรรมดาทั้งสิ้นนั่นล่ะ
หิว ไม่มีข้าวกิน ก็เป็นทุกข์
ได้กิน ไม่พออิ่ม ก็เป็นทุกข์
กินอิ่มมากเกินไป ก็เป็นทุกข์
ความเจ็บไข้ไม่สบาย ก็เป็นทุกข์
บางครั้งสมหวังยังเป็นทุกข์เลย อยากแต่งงานกับคนๆนี้ พอได้แต่งงานอยู่ไป ไม่ได้อย่างที่คิด ผิดหวังก็เป็นทุกข์ ส่วนความไม่สมหวังก็เป็นทุกข์โดยปกติ แต่บางครั้งอาจจะเป็นสุขก็ได้ เช่นเราตั้งใจจะเดินทางไปที่โน่น สมัยก่อนที่มีสึนามี เราอยากจะไปเที่ยว เราไม่ได้ไปก็เป็นทุกข์ แต่เมื่อเกิดสึนามิ มีคนตาย มีคนเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย เรากลับเป็นสุขเพราะเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น แต่ก็เศร้าใจที่มีผู้สูญเสีย เสียหาย
อะไรคือความพอดีที่ไม่ทุกข์เล่า
สติ ปัญญาไง ที่รู้เท่าทันทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ
ต้องทำใจตลอดทุกเวลานั่นล่ะ แม้สมหวังก็ต้องทำใจ
แม้ผิดหวังก็ต้องทำใจ ไม่ให้หลงเกินไปนั่นล่ะ
พระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์กิตติเชษฐ์ สิริวฑฺฒโก
เรื่อง “อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์”
ปากเมงรีสอร์ท จ.ตรัง
๓ ธันวาคม ๒๕๖๐